1. แมวเปอร์เซีย (Persian)
เรียกได้ว่าเป็นราชินีแมวจากตะวันออกกลาง ถิ่นกำเนิดแถบเปอร์เซีย เป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศพันธุ์แรกที่นำเข้ามายังไทย นอกจากขนอันปุกปุย หน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ความหลากหลายของสีสันและนิสัยที่น่ารัก ทำให้เป็นที่นิยมของหมู่คนรักแมว
พฤติกรรมทั่วไปของแมวพันธุ์นี้คือความอ่อนโยน ร่าเริงซุกซน เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ช่างประจบและมีไหวพริบ โดยทั่วไปแมวเปอร์เซียจะมีขนาดกลางถึงใหญ่ กระดูกแข็งแรง หัวและหน้ากลม
ผู้ที่จะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ต้องเข้าใจซักนิดว่าค่าเลี้ยงดูและค่าตัวค่อนข้างสูงพอสมควร อาหารที่ใช้เลี้ยงต้องเป็นอาหารเกรดพรีเมี่ยมและช่วยป้องกันก้อนขนในระบบทางเดินอาหาร เพราะแมวเปอร์เซียมีขนยาวและนิสัยชอบเลียขน นอกจากอาหารแล้วยังต้องหมั่นดูแลขนแมวเป็นพิเศษและสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดขนพันธุ์กันเป็นกระจุกซึ่งเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค
โรคที่พบบ่อยส่วนมากเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น หายใจขัด หายใจหอบ ท่อน้ำตาอุดตัน นอกจากนี้แมวเปอร์เซียสีขาวที่ตาสองข้างคนละสีนั้นมักจะมีอาการหูหนวกแต่กำเนิดด้วย ปัญหาท่อน้ำตาอุดตันอาการคือมีน้ำตาใสๆ ไหลออกจากตาเป็นคราบตามร่องจมูกโดยไม่มีการหรี่เนื่องจากเจ็บตา เจ้าของสามารถดูแลได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ แต่หากปริมาณน้ำตามากกว่าปกติและมีสีไม่ใสควรรีบพาไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและรักษา
2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)
เป็นแมวสายพันธุ์ยุโรปที่แพร่พันธุ์มายังแถบอเมริกา โดยชาวยุโรปที่แสวงหาที่อยู่ได้เดินทางไปยังอเมริกาและมีแมวติดเรือเพื่อคอยไล่จับหนูไม่ให้ทำลายข้าวของ และได้พัฒนาสายพันธุ์เป็นแมวพื้นเมืองของอเมริกาในเวลาต่อมา
แมวพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ มีอายุยืน โครงสร้างลำตัวและกล้ามเนื้อแข็งแรง อกและขาใหญ่ ขอบใบหูเป็นทรงกลมมน หัวรูปไข่ ตากลมโตเขียวมรกต นิสัยส่วนตัวเป็นแมวขี้สงสัย ร่าเริง ชอบเล่น นิสัยรักสงบ แต่จะฝึกยากซักหน่อย
ปัญหาของแมวพันธุ์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นหวัดและเกิดเชื้อราได้ง่าย เจ้าของควรตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ แต่ปัญหาขนร่วงน้อยนอกจากจะเป็นช่วงเวลาที่ผลัดขนตามธรรมชาติปีละ 2 ครั้ง
3. แมวสก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold)
แมวพันธุ์นี้ตัวแรกพบที่สก็อตแลนด์ มีลักษณะใบหูพับ ใบหน้าคล้ายนกฮูก มีผู้นำแมวตัวเมียไปเลี้ยงจนมีลูก พอลูกโตขึ้นก็นำไปผสมกับแมวพันธุ์บริติช ช็อตแฮร์ และกำเนิดเป็นแมวสายพันธุ์สก็อตติช โฟลด์
แมวสายพันธุ์นี้มีสองแบบคือขนสั้นและขนยาว ลักษณะที่เหมือนกันคือตัวกลม หัวกลม คอสั้น ตากลมใหญ่ ปลายหูกลมและพับ นิสัยของแมวพันธุ์นี้คือไม่ค่อยส่งเสียง ไม่ซนมาก ชอบเล่นเฉพาะเวลาเจ้าของเล่นด้วย ไม่คลอเคลียเจ้าของแต่ขออยู่ใกล้ๆ
การเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ขนสั้นหมั่นแปรงขน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่หากเป็นขนยาวก็ดูแลมากขึ้นกว่านี้อีกสักนิด แต่ในส่วนของร่างกายนั้นมีความแข็งแรงอยู่แล้ว
4. แมววิเชียรมาศ (Siamese)
เป็นแมวพันธุ์ไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดีในชื่อ Siamese Cat หรือแมวสยาม ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำไปพัฒนาสายพันธุ์จนเกิดเป็นแมวไทยหลากสายพันธุ์ สมัยก่อนเชื่อกันว่าผู้ใดได้เลี้ยงดูแมวพันธุ์นี้จะได้เป็นขุนนาง มีลาภยศ เนื่องจากสมัยก่อนนิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้ในวังเป็นส่วนใหญ่
แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้ม 9 จุด คือ ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหูทั้งสอง ปลายหาง บนปลายจมูก และอีกหนึ่งจุดที่อวัยวะเพศ (บางคนสับสนว่าเป็นแมวเก้าแต้ม แต่จริงๆแล้วคนละสายพันธุ์กัน) ลักษณะเด่นคือเมื่อแมววิเชียรมาศไปผสมกับพันธุ์ใดก็ตามจะให้กำเนิดลูกที่มีจำนวนจุดตามเดิม เพียงแต่รูปร่างและนิสัยเปลี่ยนไป แต้ม 9 จุดเหล่านี้จะมีสีเข้มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย นิสัยของแมวพันธุ์นี้ก็คล้ายแมวไทยทั่วไป มีความฉลาด คล่องแคล่ว ปราดเปรียว เรียบร้อย เป็นตัวของตัวเอง ขี้อ้อน ขี้ประจบ
5. แมวโคราช (Korat)
ชื่อเรียกของแมวพันธุ์นี้มีมากมาย เช่น แมวมาเลศ แมวดอกเลา แมวสีสวาด แมวโคราชเป็น 1 ใน 17 แมวมงคลของไทยที่ได้รับชื่อมาจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 ต้นกำเนิดจบใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกหลังจากชนะเลิศการประกวดประจำปีที่สหรัฐอเมริกาในปี 1966
แมวโคราชมีขนเรียบ โคนขนมีสีเทาขุ่น ปลายขนเป็นสีเงินคล้ายผมหงอก ตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ใบหน้าดูคล้ายรูปหัวใจเมื่อมองจากด้านหน้า หน้าผากใหญ่แบน หูตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ แมวพันธุ์นี้มีอายุยืน 10-15 ปี ดูแลเหมือนแมวไทยทั่วไป และควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคสม่ำเสมอตามโปรแกรมสุขภาพ
6. แมวขาวมณี (Khao Manee)
ที่มาของแมวพันธุ์นี้ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน เริ่มพบมากในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงมีข้อสันนิษฐานว่าอาจติดมากับเรือสำเภาของพ่อค้าจีนที่เลี้ยงไว้จับหนูบนเรือ สีที่ขาวสะอาดซึ่งเป็นมงคลสำหรับคนไทย จึงทำให้คนนิยมและกลายเป็นแมวบ้านของไทยนับแต่นั้น แมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเป็นพิเศษด้วย
ลักษณะพิเศษซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแมวขาวมณี คือมีขนสีขาวตลอดทั้งลำตัว นัยน์ตาทั้งสองข้างจะต่างจากแมวไทยพันธุ์อื่น คือมีทั้งนัยน์ตาสีฟ้า สีเหลืองอำพันและตาสองสี นิสัยที่โดดเด่นคือเป็นแมวช่างประจบประแจง ขี้อ้อน ชอบคลอเคลีย คอยจ้องเจ้าของตลอด
การเลี้ยงดูแมวขาวมณี ส่วนมากนิยมเลี้ยงเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันเลียขนทำความสะอาด แมวพันธุ์นี้เป็นแมวเชื่อง เชื่อฟังคำสั่งได้ดี เหมาะกับการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
7. แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair)
เป็นแมวท้องถิ่นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ มีเรื่องเล่าว่าบรรพบุรุษของพวกมันมากจากแมวที่ชาวโรมันเอามาเลี้ยงเมื่อสองพันปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งในอังกฤษและประเทศในแถบยุโรปจนปัจจุบันเพราะมันเป็นแมวที่เฉลียวฉลาด ฝึกง่าย
ลักษณะของแมวพันธุ์นี้คือเป็นแมวที่กะทัดรัด แข็งแรง หน้าอกเต็ม กว้าง ขาสั้น อุ้งเท้ากลม หางหนาและหลม หัวกลม ใบหูเล็ก คอสั้น ตากลมโต อายุยืน 15-20 ปี นิสัยส่วนตัวค่อนข้างนิ่งสงบ ไม่ก้าวร้าว เข้ากับคนและสภาพแวดล้อมได้ดี
แมวพันธุ์บริติช ชอร์ตแฮร์ เลี้ยงดูง่าย ควรเลี้ยงในบ้าน การพัฒนาของร่างกายอาจช้าไปบ้างกว่าจะมีความสมบูรณ์และสวยงาม แต่เมื่อสมบูรณ์เต็มที่แล้วความสวยงามจะคงอยู่กับมันไปตลอดอายุขัย
8. แมวเอ็กโซติก (Exotic)
แมวพันธุ์นี้มีหน้าบูด จมูกหัก แต่ก็มีความน่ารัก สืบเชื้อสายมาจากแมว 2 สายพันธุ์ คือแมวเปอร์เซียและแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ หน้าตาของแมวเอ็กโซติกมีหลากหลายแบบ เช่น Exotic Blue Tabbe, Exotic Red Tabby, Exotic Cream Tabby
ลักษณะทั่วไปของแมวพันธุ์นี้จะเหมือนกับแมวเปอร์เซียทุกประการ ยกเว้นเรื่องขน แมวเอ็กโซติกจะมีขนหนานุ่มเหมือนกำมะหยี่ ลักษณะนิสัยก็เหมือนแมวเปอร์เซีย มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ มีความอดทน ไม่หงุดหงิดง่าย ไม่ค่อยมีเสียงร้อง หากพวกเค้าต้องการอะไรจะไม่ส่งเสียงร้อง แต่จะกระโดดขึ้นมานั่งตักเจ้าของและจ้องสิ่งที่ต้องการ
แมวเอ็กโซติกไม่ยุ่งยากกับการดูแลขนเท่าแมวเปอร์เซีย แต่ควรเลี้ยงในบ้าน
9. แมวเมนคูน (Main Coon)
แมวพันธุ์นี้มีร่างกายใหญ่โตกว่าแมวปกติ แต่นิสัยใจดี จนได้รับสมญานามว่า Gentle Giant ชื่อ Main Coon มาจากถิ่นกำเนิดรัฐเมน (Maine) ของสหรัฐอเมริกา ส่วน Coon มาจากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองว่าแมวเผลอไปกิ๊กกับแรคคูน จนกลายเป็นชื่อเรียกทั่วไปของแมวพันธุ์นี้ว่า Main Coon
ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์นี้คือ รูปร่างสง่างาม สมส่วน ให้ความรู้สึกมั่นคงแข็งแรง เมื่อโตเต็มที่ร่างกายจากหัวจรดปลายหางประมาณหนึ่งเมตร หนัก 12-15 กิโลกรัม โครงสร้างของร่างกายคล้ายแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต ปลายหูมีขนงอก นิสัยส่วนตัวเป็นแมวขี้อ้อน ขี้เล่น ร่าเริง อายุโดยเฉลี่ยของแมวเมนคูนคือ 15 ปี การเลี้ยงดูควรเสริมด้วยเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูงเนื่องจากต้องใช้ในการเจริญเติบโตมาก ส่วนขนค่อนข้างหวีง่าย เป็นแมวกึ่งขนยาว ไม่พันกันเหมือนแมวเปอร์เซีย ควรอาบน้ำเดือนละ 2 ครั้ง หลังจากอาบควรเป่าขนให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันเชื้อราบนผิวหนัง
10. แมวเบงกอล (Bengal)
แมวพันธุ์นี้มีลวดลายสวยงามคล้ายลูกเสือดาวน้อยๆ คาดว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวดาวกับแมวบ้านสายพันธุ์อียิปต์ นมัวร์ (Egyptian Mau) ซึ่งเป็นแมวอียิปต์โบราณ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นลายจุดคล้ายแมวป่า โดยถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์ด้วยฝีมือของ Jean Mills หญิงสาวชาวอเมริกัน
แมวเบงกอลมีขนาดปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่ หัวมีความยาวมากกว่าความกว้าง รูปร่างเพรียวยาว เห็นมัดกล้ามเนื้อชัดเจนคล้ายแมวป่า จุดเด่นอยู่ที่ลายขนคล้ายแมวป่า ที่เรียกกันว่าลายหินอ่อน แต่นิสัยไม่ดุร้ายอย่างหน้าตา นิสัยน่ารัก เป็นมิตร ซุกซน ชอบวิ่งไล่และปีนป่ายที่สูง ชอบเล่นน้ำ
การเลี้ยงดูก็เหมือนแมวทั่วไป ควรเพิ่มเนื้อวัวสดจากอาหารที่กินประจำ ห้ามให้เนื้อไก่หรือหมูโดยเด็ดขาด